เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๙ ก.พ. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรมะ ฟังธรรมะ พระเจ้าปเสนทิโกศลไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วพระเจ้าปเสนทิโกศลนี้อ้วนมาก ฉะนั้น ในการเสวยของท่าน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า นี่โทษของการที่ไม่มีสติปัญญา

เลยให้มหาดเล็กไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ท่องบทไว้ ให้เป็นหน้าที่มหาดเล็กเวลาพระเจ้าปเสนทิโกศลจะกินข้าว “กินมากเกินไปมันจะอ้วน กินมากเกินไปจะไม่ดี กินมากเกินไปร่างกายมันจะไม่สมบูรณ์” ต้องมีคนคอยบอกนะ

พระเจ้าปเสนทิโกศลเวลาเสวยอาหารมันก็ติดรสชาติ แต่มีคนไปคอยบอกๆ นี่สุขภาพแข็งแรงขึ้น สุขภาพดีขึ้นๆ

นี่ก็เหมือนกัน เราไปวัดไปวาเราไปถวายของเรา ถวายทานของเรา เราก็ปรารถนาว่าของเราควรจะเป็นบุญกุศล พระได้จับได้ฉันแล้ว เราจะอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติติโกโหติกาของเรา

เราเคยเป็น เราอยู่ที่ข้างในนั่นน่ะ ลูกศิษย์ของเรา ประจำเลย เขาฝันนะ เขาฝันถึงพ่อแม่ของเขา เวลาพ่อแม่ของเขามา เช้าเราไปบิณฑบาตนะ “หลวงพ่อๆ หลวงพ่อฉันข้าวต้มนะ เมื่อคืนพ่อมาเข้าฝัน หลวงพ่อๆ หลวงพ่อฉันนี่นะ พ่อมาเข้าฝัน” พ่อแม่เขามาเข้าฝันเลย

แล้วเขาก็มีพี่น้องสามคน เขาก็ไปเยี่ยมเราที่วัด ไอ้น้องสองคนมันมาบ่นกับเราบอกว่า “พ่อแม่ลำเอียง พ่อแม่ไปเข้าฝันแต่พี่ชายคนโต ไอ้น้องสองคนเล็กพ่อแม่ไม่เข้าฝันเลย”

ไอ้เรามันคันในใจเนาะ มาเข้าฝันเอ็งแล้วไม่ได้กิน มาทำไม มาเข้าฝันพี่ชายเอ็งแล้วได้กินน่ะ เขามาเข้าฝันเพราะเขาทำบุญกุศลของเขา เขามีอำนาจวาสนาของเขา เขาสามารถเจือจานได้ เขาก็ไปเข้าฝันคนนั้น คนที่มีแต่แห้งแล้ง คนที่มีแต่การเห็นแก่ตัว คนที่จะเอาแต่ทรัพย์สมบัติ มาเข้าฝันมึงยิ่งไถกูใหญ่เลย

นี่ไง ไอ้คนที่เวลาเขาไม่มาเข้าฝันมันก็คิดน้อยใจ แต่มันไม่ได้ดูพฤติกรรมเขากลับเลยว่าเขาได้ทำอะไรกับพ่อแม่เขาบ้าง เขาได้ระลึกถึงพ่อแม่เขาหรือไม่ เขาได้ทำบุญกุศลอุทิศให้พ่อแม่เขาบ้างหรือเปล่า เอ็งไม่เคยระลึกถึงข้าเลย แล้วเวลาพี่ชายของเอ็ง พี่ชายของเอ็งทำทุกอย่างให้นะ ทำทุกอย่างพร้อมหมดเลยนะ ก็มาเข้าฝันพี่ชายของตนๆ

เราบิณฑบาต ร้านตัดผมเขาใส่บาตร เขาจะฝันอย่างนี้บ่อยๆ ครั้งเลย เห็นไหม

นี่พูดถึงว่า คนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ เวลาเชื่อไปก็บอกว่าไอ้นี่เป็นความเชื่องมงาย ถวายพระแล้วพระต้องฉัน ถ้าพระไม่ฉันจะไม่ได้บุญไง ถ้าพระได้บุญๆ มันเจตนาของเรา ปฏิคาหกเราแสวงหามา

เขาบอกเลย เราเป็นชาวพุทธ เราเป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่น สมบัติของเราก็เที่ยวไปเสียสละให้คนอื่น แล้วสมบัติของเราก็ไม่รู้จักเก็บไว้ใช้ของเรากันเอง เราเองก็ทำมาทุกข์ยากขึ้นมาขนาดไหนแล้วเราไม่รู้จักใช้สอยของเรา

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านประเสริฐ ประเสริฐที่ไหนนะ เวลาในบรรดามนุษย์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด เวลาจะคบมิตร มิตรที่ดีคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เราแสวงหาสิ่งใดมามันเป็นน้ำพักน้ำแรงเราทั้งสิ้น ถ้าน้ำพักน้ำแรงของเรา เห็นไหม เราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ของเราหนึ่งสลึง เราทำธุรกิจของเราอีกหนึ่งสลึง เราไว้ใช้จ่ายหนึ่งสลึง มีอีกสลึงหนึ่งเราฝังดินไว้ๆ คนจะฝังดินไว้ คนเรามันมีที่มาที่ไป เวลาคนเกิดมาไม่เท่ากันๆ ไม่เท่ากันก็บุญกุศลของตนไง

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนว่า กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันไง เวลาที่จะมาเกิดๆ เกิดจากพ่อจากแม่ เรามีพี่น้องสามคนสี่คน พี่น้องสามคนสี่คนคิดไม่เหมือนกัน มีความเห็นไม่เหมือนกัน ลักษณะไม่เหมือนกัน นั่นน่ะเพราะอะไร เพราะพันธุกรรมของเขาๆ

ปฏิสนธิจิตเกิดในไข่ เกิดในครรภ์ เกิดในน้ำครำ เกิดในโอปาฏิกะ กำเนิด ๔ เกิดเพราะกรรม เกิดเพราะการกระทำ ความโน้มเอียงไปความรู้สึกนึกคิดอันนั้น ความแสวงหาอันนั้นพันธุกรรมของจิตที่เราได้ตัดแต่งของเรา การตัดแต่งของเราตัดแต่งด้วยทาน ด้วยศีล ด้วยภาวนา เราภาวนาด้วยสติด้วยปัญญาของเรา

เราแสวงหาสิ่งใดมาเป็นสมบัติของเราๆ ไง สมบัติของเราก็เลี้ยงแค่ร่างกาย มันเป็นเซลล์ มันเป็นเลือด มันเป็นสารอาหารในร่างกายนี้ แต่หัวใจมันแสวงหาคนที่ปกป้องดูแลมันไง แสวงหาคนที่ปกป้องดูแลมัน เห็นไหม

การเสียสละทานๆ การเสียสละที่ว่าของที่เราแสวงหาเป็นสมบัติของเราๆ เราฝังดินไว้ๆ ฝังดินไว้เพื่อประโยชน์กับหัวใจดวงนี้ไง ถ้าหัวใจมันได้เสียสละ มันได้ทำของมัน

ต้นไม้มันเจริญงอกงามขึ้นมาเพราะดินมันร่วนซุย มันมีสารอาหารที่ดีงาม ต้นไม้มันแข็งแรง จิตใจ จิตใจของคนที่มันจะมีความคิดที่ดีงามของมัน มันรู้จักเสียสละของมัน มันรู้จักน้ำใจของเรา รู้จักคนที่มันโอบอ้อมอารี

เราจะโอบอ้อมอารีเพราะการเสียสละของเรา นี่พันธุกรรมของจิต พันธุกรรมของจิตมันตัดแต่งอย่างนี้ไง ถ้ามันตัดแต่งอย่างนี้ กำเนิด ๔ กำเนิด ๔ การขับดันไปของเวรของกรรมไง ของการกระทำอันนั้นไง ถ้าการกระทำอันนั้น นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฉลาด

ไม่เหมือนโง่ๆ อย่างเราหรอก โง่ๆ อย่างเรานะ จะเก็บของเราไว้หมดเลย ของเราๆ แล้วไม่ได้อะไรไปเป็นของเราเลย

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าบ้านเรือนใดถ้าไฟไหม้บ้านหลังนั้น ใครขนทรัพย์สมบัติออกจากบ้านหลังนั้นได้มากแค่ไหนก็เป็นสมบัติของเขา

ธาตุไฟ ธาตุไฟพลังงานที่มันแผดเผาชีวิตนี้ เห็นไหม ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด มันต้องเผาเราจนจะมอดไหม้ไป สุดท้ายแล้วจิตนี้ออกจากร่างไป ร่างกายก็ทิ้งไว้ที่นี่ใช่ไหม ร่างกายทิ้งไว้ที่นี่ก็เผาไปใช่ไหม มันก็เผาไปแต่ร่างกายนี้ไง สมบัติก็ทิ้งไว้เป็นสมบัติสาธารณะไว้กับโลกนี้ไง มันไม่มีสิ่งใดเป็นสมบัติติดตัวมันไปเลยไง

แต่ถ้ามันได้ขนออกจากบ้านนี้ ได้เสียสละไป เสียสละฝังดินไว้ไงๆ ไง การฝังดินไว้เป็นสมบัติของเราไง สมบัติของเรา เห็นไหม เวลาเราเสียสละไปแล้ว นี่วิญญาณาอาหาร เทวดาเขาไม่มีตลาด เทวดาแสงเปล่งปลั่ง แสงจากหัวใจดวงนั้น นี่ไง แสงจากหัวใจดวงนั้นๆ

นี่ฝังดินไว้ ฝังหัวใจดวงนั้นไว้ ถ้าหัวใจดวงนั้นที่ไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม เขาไม่มีตลาดนะ เขาไม่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ใครทำมากน้อยแค่ไหนได้อย่างนั้น

นี่พูดถึงเวลากำเนิด ๔ คำว่า กำเนิด ๔” เกิดเป็นอะไร กินอาหารอย่างใด อยู่บ้านเรือนอย่างใด แล้วเวียนมันไป เชื่อไม่เชื่อไม่เป็นไร

สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย สุดยอด เรามีความคิดยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง แต่ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักหัวใจของตนเลย

แต่คนที่เสียสละ เราทำบุญกุศลของเราๆ เราทำหน้าที่การงานมาขนาดนี้ ทุกอย่างเราก็มีพร้อมหมดแล้ว ถ้าเราจะมีความสุขเราก็ควรจะมีความสุขมากไปกว่านี้ มันก็มีความสุขอย่างนี้ อะไรที่มันของใหม่ๆ ขึ้นมามันก็ตื่นเต้นไปหนหนึ่ง พอชั่วกาลชั่วเวลามันก็จืดชืดของมันไป แล้วมันมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มันมีอะไรน่าแสวงหา มีอะไรที่เป็นสมบัติของเรา แล้วสมบัติของเรามันอยู่ไหนล่ะ

เวลามันสุขมันทุกข์ ใครมันสุขมันทุกข์กับเราล่ะ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปหาหมอ หมอก็ผ่าตัด หมอก็ฉีดยา แต่เวลาเจ็บช้ำน้ำใจของเรา เขาไปหาจิตแพทย์ โรคซึมเศร้าๆ เขาต้องพยายามรักษา

แต่ถ้ามันเป็นปกติ ถ้าเราจะค้นคว้าหาหัวใจของเรา ค้นคว้าหาหัวใจของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนถึงศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามีศีล ศีลคือความปกติของใจ ถ้าใจมันปกติขึ้นมามันไม่เบียดเบียนไม่ทำลายใคร มันไม่เบียดเบียนไม่ทำลายใครก็ไม่ได้ทำลายตัวมันเองไง

มนุษย์เป็นสัตว์ประหลาดอีกแล้ว คิดอย่างหนึ่ง พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง เวลามันคิดมันเบียดเบียนตัวมันเอง มันเที่ยวจะไปทำลายเขา เที่ยวจะไปแย่งชิงเขา มันคิดว่าจะเป็นสมบัติของมันเพื่อขนมาเป็นของเรา เริ่มต้นมันต้องเผาตัวมันก่อน เห็นไหม

เวลาจะหุงข้าวมันต้องจุดไฟ จุดเตาไฟมันถึงหุงข้าวสุกใช่ไหม เราจะทำสิ่งใดก็แล้วแต่มันก็คิดขึ้นมาจากใจเราใช่ไหม ถ้ามันคิดขึ้นมาจากใจเรา มโนกรรมมันเกิดขึ้นจากใจดวงนั้น สิ่งที่เราจะหาประโยชน์กับเราๆ มันเผาตัวมันก่อน เห็นไหม

แต่ถ้ามันมีสติมีปัญญาขึ้นมา เรารักษาหัวใจของเรา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเข้ามาที่นี่ไง

ปัจจัย ๔ แล้วถ้ามันขาดแคลนที่ไหน รัฐสวัสดิการเขาก็ช่วยเหลือเจอจาน งบคนแก่ คนแก่คนเฒ่าก็มีเงินช่วยเหลือเจือจาน ถ้ามันตกทุกข์ได้ยากมันช่วยเหลือเจอจานกันได้ แต่เวลามันเจ็บช้ำน้ำใจ ใครจะช่วยเหลือเจือจาน ใครจะแบกรับ ใครจะแก้ไข

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนที่นี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ก็รื้อหัวใจของสัตว์โลก หัวใจของสัตว์โลก ความรู้สึกนึกคิดที่มันเจ็บช้ำน้ำใจอันนั้นน่ะ

ถ้ามันมีสติมีปัญญาขึ้นมามันรักษาของมัน มันดูแลของมัน ธรรมโอสถเกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นจากเรามีสติมีปัญญาขึ้นมาไง มันถึงต้องละเอียดลึกซึ้ง มันลึกซึ้งกับการกระทำของเราไง

เราให้สติปัญญาของคนๆ เราให้ได้ เราสอนได้ แต่มันจะเชื่อไม่เชื่ออีกเรื่องหนึ่งนะ แต่ถ้าเรามีอำนาจวาสนานะ มันเห็นแล้วมันคิดไง ธรรมะเป็นธรรมชาติ ใบไม้ใบหนึ่งร่วงจากต้นมันก็เป็นกฎของอนิจจัง สรรพสิ่งในโลกนี้มันเกิดดับทั้งสิ้น ไม่มีอะไรคงที่ทั้งนั้นน่ะ

ศึกษามาท่วมหัวเลย รู้ทั้งหมดเลย อยู่ข้างนอก แต่กูก็ยังทุกข์อยู่นี่ รู้ทุกเรื่องเลย แต่กูทุกข์อย่างเดียวเลย

แต่ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมะเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมชาติของเขา การเกิดการตายก็เป็นธรรมชาติอันหนึ่ง ความทุกข์จริงๆ ก็เป็นธรรมชาติอันหนึ่ง กิเลสก็เป็นธรรมชาติอันหนึ่งนะ มันเกิดดับเหมือนกัน พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ความคิดเกิดขึ้นก็ดับไป ความทุกข์เกิดขึ้นก็ดับไป ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วดับไป แล้วมันก็เกิดต่อเนื่องไปอย่างนั้นน่ะ

แล้วถ้าคนมันโง่ มันไปยุไปแหย่ คือไปคิดซ้ำคิดซากไง คิดตอกย้ำไง มันยิ่งเจ็บช้ำน้ำใจมากขึ้น

ถ้ามันคิดที่ดี เราส่งเสริมมัน ส่งเสริมมันส่งเสริมได้ยาก เวลาธรรมะมันเกิดขึ้นเราควรจะเหยียบคันเร่ง

แต่เวลาความทุกข์ความยากมันเกิดขึ้น เวลากิเลสมันเกิดขึ้นต้องเหยียบเบรกไว้ เบรกด้วยสติ มีสติปัญญา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเข้ามาแล้ว มันเป็นธรรมชาติไหม มันเป็นธรรมชาติ ทำไมกูต้องระลึกล่ะ มันเป็นธรรมชาติ ทำไมกูต้องแหม! ตั้งใจควบคุมดูแลอย่างดีเลย ไม่อย่างนั้นมันจะเขวตลอดเลย...นี่ฝึกฝนทั้งนั้น

ถ้ามันฝึกฝนทั้งนั้นมันก็ความเพียรชอบไง ในมรรค ๘ ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ แล้วคนเรามันชิงสุกก่อนห่าม “ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือปล่อยวางๆ”...มันปล่อยวางเหมือนขี้ลอยน้ำเลย

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เศรษฐีธรรม เศรษฐีธรรมต้องรู้เช่นเห็นชาติ รู้ตามความเป็นจริงแล้วปล่อยวางมัน รู้ตามความเป็นจริงคือสติปัญญารู้แจ้ง รู้แจ้งในใจของตน ความคิดเกิดดับอย่างไร ใครยุใครแหย่ แล้วคนยุคนแหย่มันอยู่ไหน มันครอบครัวของมารน่ะ มันพิจารณาไป

นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามันละเอียดลึกซึ้งเข้าไป เราฝึกหัดเข้าไป ถ้าเราฝึกหัดเข้าไปอย่างนั้น ไอ้เรื่องที่เราเป็นปัญหากันอยู่ เรื่องภายนอกนี้มันเป็นเรื่องปลายเหตุเลย เรื่องปลายเหตุ

เรื่องต้นเหตุ ต้นเหตุการเกิด ต้นเหตุคือความรู้สึกนึกคิด ต้นเหตุคือมโนกรรม ต้นเหตุอยู่ที่กลางหัวใจนี้ รักษาต้นเหตุ นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามันละเอียดเข้าไปๆ ชาวพุทธเราจะเข้มแข็ง ชาวพุทธของเราจะไม่เบียดเบียนกัน ชาวพุทธของเราจะมีน้ำใจต่อกัน ชาวพุทธเราจะมีจิตใจที่โอบอ้อมอารี จะไม่มีคนโกหกมดเท็จคอยยุคอยแหย่ คอยทิ่มคอยตำ คอยทำลาย

สิ่งที่เป็นสัจจะความจริง สัจจะความจริงมันเกิดที่นี่ ถ้ามันเกิดที่นี่ มันเกิดของมันแล้วมันเป็นประโยชน์กับเรา ถ้ามันเป็นประโยชน์กับเรา ประโยชน์ที่ไหนล่ะ ประโยชน์เพราะเรามีสติ มีสติขึ้นมา

โลกนี้มีเพราะมีเรา ถ้าเราตายไปแล้ว เราไม่อยู่ โลกก็เป็นอย่างนี้ สังคมต่อไปก็เป็นแบบนี้ โลกนี้มีเพราะมีเรา แล้วเราล่ะ เราทุกข์ยากอยู่นี่ไง ถ้าเราทุกข์ยากอยู่นี่ไง เราถึงฝึกฝน เรามาวัดมาวากันเรามาทำบุญกุศล

คำว่า ทำบุญกุศล” ฝึกหัด ฝึกหัดหัวใจ ถ้ามันไม่มีตัวตนก็ให้มันมีตัวตนขึ้นมา จับต้องมันไม่ได้ เห็นไหม ทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจสงบระงับเข้ามาแล้วเราจะเห็นคุณค่าของเราแล้ว เห็นคุณค่าของคนนะ พอจิตสงบแล้ว โอ้โฮ! มหัศจรรย์มาก มหัศจรรย์ มหัศจรรย์เป็นสมบัติของเรา

แต่ที่ว่าธรรมะเป็นธรรมชาติๆ ใช่ มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว มันแปรปรวนอยู่แล้ว โลกนี้ถึงเป็นอจินไตย อจินไตย ๔ เรื่องของโลก เรื่องของกรรม เรื่องของฌาน เรื่องพุทธวิสัย ความรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อจินไตยที่เราจะคาดหมายไม่ได้เลย เยี่ยมยอดมาก

พวกเราสาวกสาวกะผู้ได้ยินได้ฟัง มีศาสนา มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นผู้ชี้นำ เป็นผู้คุ้มครองดูแลแล้ว เราจะทำของเราไหม ถ้าทำของเราก็ทำเพื่อประโยชน์กับเราไง ถ้าประโยชน์กับเรา มันก็ย้อนกลับมาที่เราแล้ว

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์รวมลงเป็นหนึ่งเดียวในใจของเรา

เพราะเราศรัทธา เราเชื่อมั่น เรามีคุณภาพ เราเป็นคนที่ดี รักษาหัวใจที่ดี หัวใจนี้มีคุณค่า วัตถุต่ำลงแล้ว ถ้าต่ำลง เราก็ไม่แย่งชิงกับเขา แต่เราฉลาดนะ

ฉลาด หมายความว่า เรามีสมบูรณ์แบบ เราทำได้ เราคุ้มครองดูแลได้เพราะเรามีสติปัญญาพอ ถ้าเราไม่มีสติปัญญาพอ ตัวเองก็ไม่รู้จัก ข้างนอกก็ไม่รู้จัก แล้วโทษสังคม โทษๆๆ โทษข้างนอกหมดเลย แล้วไม่เห็นตัวเอง

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก สอนเข้ามาที่จิตใจของสัตว์โลก รื้อสัตว์ขนสัตว์ เราจะไม่เกิดแก่เจ็บตายไปกับโลกอีกแล้วถ้าเรามีสติปัญญาเท่าทันกิเลสของเรา ถ้าเรามีสติปัญญาเราทำเพื่อหัวใจดวงนี้ แล้วมันก็เป็นธรรมทายาท เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้พระองค์เดียวสอนสามโลกธาตุ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านทุ่มเททั้งชีวิต ครูบาอาจารย์เรานะ ทั้งชีวิตเลย ธรรมะอยู่ฟากตาย แลกมาด้วยชีวิต เอาชีวิตเข้าแลก แลกเข้าไปเผชิญกับกิเลส จนกิเลสตายหมดเลย เพราะตายหมดท่านถึงมีวุฒิภาวะในใจ ท่านถึงมีคุณธรรมในใจ ท่านถึงเป็นหลักชัยของเรา เป็นแบบอย่างของเราชาวพุทธ เอวัง